
ในปี 2023 ทั่วโลกมี 33 ประเทศที่มีโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โดยในจำนวนนี้มี 1 ประเทศ คือ เยอรมนี ที่ประกาศปิดโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ตั้งแต่เดือนเมษายน 2023 นอกจากนี้ ยังมีอีก 7 ประเทศที่มีแผนจะก่อสร้างในอนาคต
จากข้อมูลของสมาคมนิวเคลียร์สากล (World Nuclear Association) กำลังการผลิตไฟฟ้าของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ปี 2022 ทั้งหมด 33 ประเทศ สหรัฐอเมริกามีกำลังการผลิตไฟฟ้ามากเป็นอันดับที่ 1 อยู่ที่ 96,952 เมกะวัตต์ อันดับ 2 ฝรั่งเศส 61,370 เมกะวัตต์ อันดับ 3 จีน 53,307 เมกะวัตต์ อันดับ 4 ญี่ปุ่น 31,679 เมกะวัตต์ และอันดับ 5 รัสเซีย 26,802 เมกะวัตต์
เมื่อพิจารณาสัดส่วนพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เทียบกับปริมาณไฟฟ้าทั้งประเทศพบว่า ฝรั่งเศสใช้ไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มากที่สุด คิดเป็น 62.5% รองลงมา คือ สโลวาเกีย 59.2% อันดับ 3 ฮังการี 47% อันดับ 4 เบลเยียม 46.4% และอันดับ 5 สโลวีเนีย 42.6% เป็นที่น่าสังเกตว่าทั้งหมดเป็นประเทศในทวีปยุโรป
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาเฉพาะจำนวนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์พบว่า สหรัฐอเมริกา มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มากที่สุด 94 โรง อันดับ 2 ฝรั่งเศส 56 โรง อันดับ 3 จีน 55 โรง อันดับ 4 รัสเซีย 36 โรงและอันดับ 5 ญี่ปุ่น 33 โรง
เหตุผลที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ได้รับความสนใจจากหลายประเทศ เนื่องจากถูกมองว่าแร่ยูเรเนียมเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่มั่นคงและพึ่งพาได้กว่าพลังงานจากก๊าซฟอสซิลหรือน้ำมัน ซึ่งมีราคาและปริมาณไม่แน่นอน และเป็นแหล่งเชื้อเพลิงที่หมดไปในอนาคต นอกจากนี้ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ยังไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่อสภาวะโลกร้อน
เมื่อย้อนกลับไปยังระยะแรกที่มีการใช้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เติบโตมากขึ้นเรื่อยๆ ตั้งแต่ทศวรรษ 2500 เป็นต้นมา จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล สหภาพโซเวียตระเบิดในปี 2529 จำนวนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีแนวโน้มลดลง
อย่างไรก็ตาม น่าสนใจว่า ยุโรปเริ่มกลับมาพึ่งพาโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน ไฟฟ้าเกือบ 10% ในสหภาพยุโรปมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยในระหว่างปี 2548 และ 2549 อาจจะนับได้ว่าเป็นการเติบโตอย่างก้าวกระโดด เมื่อสัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าจากนิวเคลียร์เพิ่มจาก 6.7% ในปี 2548 เป็น 29.5% ในปี 2549 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์คิดเป็นสัดส่วนมากที่สุด ขณะเดียวกันก็มีหลายประเทศที่เลิกใช้ เช่น อิตาลี ปิดโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ภายในปี 2533 หลังมีการทำประชามติ
อย่างไรก็ตาม ในเยอรมนี หลังจากที่ใช้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มานานกว่า 60 ปี เยอรมนีปิดโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ทุกแห่งเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2566 เยอรมนีเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์ Kahl เพื่อผลิตไฟฟ้าในปี 2504 ต่อมาจากสถานการณ์วิกฤตน้ำมันในช่วงทศวรรษ 2510 ทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขยายตัวและได้รับการยอมรับจากสาธารณชน จนทศวรรษ 2530 ไฟฟ้ามากกว่าหนึ่งในสามของประเทศมาจากเครื่องปฏิกรณ์ 17 เครื่อง
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง https://justpow.co/article-nuclear-pdp/