ข้อสังเกตจาก JustPow ต่อคำชี้แจงของ สนพ. กรณีโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน

จากการที่ภาครัฐมีการลงนามรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รอบแรก  5,200 เมกะวัตต์ เพิ่มอีก 3 สัญญา ในวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางจน วัฒนพงษ์ คุโรวาท ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ออกมาชี้แจง เมื่อวันที่ 21 เม.ย. 2568 ว่า

1. การยกเลิกการทำสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 5,200 MW

การรับซื้อไฟฟ้าปริมาณ 5,203 เมกะวัตต์ RE Big Lot เป็นการดำเนินการจากมติ กพช. ในการประชุมเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2565 และได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ ครบถ้วนไปก่อนแล้ว ปัจจุบันมีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) แล้วเป็นส่วนใหญ่และบางโครงการได้มีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว การยกเลิกสัญญาของ RE Big Lot ที่ลงนามไปแล้วจึงไม่อาจจะทำได้ และหากจะมีการยกเลิกโครงการที่ไม่ลงนามในสัญญาส่วนที่เหลือกว่าสิบสัญญา จะทำให้เกิดข้อขัดแย้งกับสัญญาที่ลงนามไปแล้ว และเป็นการดำเนินการแบบ 2 มาตรฐานระหว่างกลุ่มโครงการที่ได้มีการลงนามในสัญญาแล้ว และโครงการที่ยังไม่ได้ลงนามในสัญญา

2. การรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 5,200 MW จะทำให้ค่าไฟฟ้าแพงหรือไม่?

การรับซื้อไฟฟ้า RE Big Lot มีต้นทุนรับซื้อไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณ 2.7 บาทต่อหน่วย (พลังงานแสงอาทิตย์มีอัตรา 2.18 บาทต่อหน่วย พลังงานลมมีอัตรา 3.10 บาทต่อหน่วย พลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับ BESS (ระบบเดินไฟในแบตเตอรี่) มีอัตรา 2.83 บาทต่อหน่วย) ซึ่งมีราคาที่ต่ำกว่าค่าไฟฟ้าขายส่งเฉลี่ย(Grid Parity) ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่าย (การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค) โดย ณ เดือน มีนาคม 2568 มีค่าไฟฟ้าขายส่งเฉลี่ยประมาณ 3.18 บาทต่อหน่วย ดังนั้น การรับซื้อไฟฟ้า RE Big Lot จะไม่ทำให้ราคาค่าไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามการรับซื้อไฟฟ้า RE Big Lot จะทำให้ค่าไฟฟ้าขายส่งเฉลี่ยลดลง เนื่องจากมีราคารับซื้อไฟฟ้าต่ำกว่าค่าไฟฟ้าขายส่งเฉลี่ย โดยการรับซื้อไฟฟ้าจาก RE Big Lot จะช่วยให้ค่าไฟฟ้าขายส่งเฉลี่ยลดลงประมาณ 4,574 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ การรับซื้อไฟฟ้าจาก RE Big Lot จะช่วยให้ประเทศไม่เสียโอกาสในการลงทุนในพัฒนาพลังงานหมุนเวียนซึ่งเป็นเชื้อเพลิงพลังงานสะอาดที่มีอัตรารับซื้อในระดับที่เหมาะสมและสามารถแข่งขันได้ ไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในภาพรวม และช่วยเสริมสร้างเสถียรภาพทางด้านราคาค่าไฟฟ้าของประเทศได้ในระยะยาว

3. สนับสนุนเป้าหมายลดคาร์บอน และตอบโจทย์อนาคตพลังงานสะอาดของประเทศ

การรับซื้อไฟฟ้า RE Big Lot เป็นการช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในระบบไฟฟ้า และจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทยให้สามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกตามการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution: NDC) ร้อยละ 30 – 40 ภายในปี ค.ศ. 2030 (พ.ศ. 2573) การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 (พ.ศ. 2593) และบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero Carbon Emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 (พ.ศ. 2608) 

อีกทั้งการเพิ่มการจัดหาไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพของประเทศไทยในการรองรับความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดของผู้ประกอบการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมโดยเฉพาะธุรกิจส่งออกที่มีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขของมาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดน (Carbon Border Adjustment Mechanism: CBAM) เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการกีดกันทางการค้าระหว่างประเทศ และเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันทางด้านเศรษฐกิจและการลงทุนของประเทศด้วยการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ

ในขณะที่ JustPow มีข้อสังเกตต่อคำชี้แจงของ สนพ. ดังนี้ 

  1. ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่มาจากมติของ กพช. หรือดำเนินการไปแล้วหรือไม่ แต่อยู่ที่ประเด็นเรื่องความโปร่งใสทั้งเรื่องกระบวนการการคัดเลือกของ กกพ. โดยเฉพาะหลักเกณฑ์การประเมินคะแนน การกำหนดราคารับซื้อไฟฟ้าตลอดระยะสัญญาในอัตราคงที่ และสัญญาผูกพันยาวนาน 20-25 ปี ยังไม่นับรวมกรณีค่า Adder ในโครงการรับซื้อก่อนหน้านี้ที่อุดหนุนด้วยราคารับซื้อที่สูงมากที่ถูกส่งผ่านมาในบิลค่าไฟของประชาชนกว่าสิบปี
  2. ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ราคารับซื้อเมื่อเปรียบเทียบกับราคาค่าไฟต่อหน่วยในปัจจุบัน แต่อยู่ที่การรับซื้อในราคาคงที่ในขณะที่ต้นทุนพลังงานหมุนเวียนในอนาคตมีแต่จะลดลงตามพัฒนาการของเทคโนโลยี ซึ่งจะทำให้ในอนาคตไม่สามารถลดค่าไฟได้ตามต้นทุนพลังงานที่ลดลงเพราะติดสัญญาการรับซื้อในราคานี้ไปยาวนาน 20-25 ปี อีกทั้งแม้ภาครัฐจะมีแนวคิดลดค่าไฟด้วยการตัดค่า Adder/FiT แต่การเซ็นลงนามรับซื้อไฟฟ้าในโครงการนี้กลับจะทำให้ต้องจ่ายค่า FiT มากขึ้น ก็จะไม่สามารถลดค่าไฟได้ตามแนวทางนี้
  3. นอกจากการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนแล้ว ภาครัฐควรเพิ่มการรับซื้อไฟจากโซลาร์รูฟท็อปของประชาชน ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณเพียง 90 เมกะวัตต์เท่านั้น ในขณะที่ประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์รูฟท็อปราว 4.06 ถึง 5 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อตารางเมตรต่อวัน เทียบเท่าการใช้ไฟฟ้าของตู้เย็นขนาดมาตรฐาน 1 เครื่อง/วัน นอกจากนี้ ในกรณี CBAM ภาครัฐยังสามารถเปิดให้มีการซื้อขายไฟแบบ Direct PPA ซึ่งจะสามารถช่วยภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมส่งออกได้

อ่านเพิ่มเติม

ปัญหาของโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ปี 2565-2573 : https://justpow.co/article-re-biglot/

จะเกิดอะไรขึ้น เมื่อรัฐบาลเซ็นสัญญาซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรอบแรก: https://justpow.co/news-first-rebiglot-signed-april2025

ข่าวยอดนิยม

โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและถ่านหินบางส่วนจะต้องปิดตัวลงก่อนสิ้นอายุทางเศรษฐกิจ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด จนกลายเป็นสินทรัพย์สูญค่าในอนาคต (stranded assets)

ช่วงนี้หลายคนคงรู้สึกไม่ต่างกันว่าทำไมมันร้อนเหมือนซ้อมลงนรกได้ขนาดนี้ และแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือบิลค่าไฟที่ทะลุเดือดไม่ต่างกับอากาศ เพราะต้องเปิดแอร์ฉ่ำๆ เพื่อดับร้อน  จากรายงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2567 เวลา 20.54 น. เกิดการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) อยู่ที่ 34,443.1 เมกะวัตต์ ถือเป็นการทำลายสถิติความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เวลา 21.41 น. ซึ่งเคยทำไว้ที่ 34,130.5 เมกะวัตต์ และคาดว่าในเดือนพฤษภาคมนี้ก็จะมีพีคอีกรอบ แม้ว่าจะเกิดตัวเลขการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว แต่ก็จะไม่เกิดผลกระทบใดๆ ในระบบการไฟฟ้า เพราะตัวเลขนี้ยังห่างไกลจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มีในระบบ เพราะมีการสำรองไฟฟ้าไว้สูงจนถึงขั้นล้นเกิน โดยปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในระบบ อยู่ที่ 49,571.79 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นกำลังไฟฟ้าสำรองที่สูงถึง 43.92% ของความต้องการไฟฟ้าสูงสุด ฟังดูประเทศไทยมีความมั่นคงทางพลังงานดีสุดๆ ใช้ไฟพีคแค่ไหน ก็ยังมีไฟล้นเหลือสำรองไว้ ไม่ต้องกลัวว่าเปิดแอร์มากแค่ไหน ไฟในประเทศจะไม่พอ แต่รู้ไหมว่า ที่สำรองไว้จนล้นเกินน่ะ ใช่ว่าจะไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะมันบวกอยู่ในบิลค่าไฟเราแล้ว  หลายคนคงคิดว่า อ้าว…แล้วจะไม่สำรองไฟเลยเหรอ ถ้าไม่พอขึ้นมา ไฟดับจะทำยังไง […]

ประชาชนควรมีส่วนร่วมในแผน PDP จากระดับพื้นที่ ย้ำคำนึงถึงผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมด้วย

เนื่องด้วยวันที่ 5 มิถุนายน เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก JustPow ชวนสำรวจปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากภาคพลังงานของไทย โดยเฉพาะประเด็นการพึ่งพาพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิลของไทยที่ดูเหมือนว่าในอนาคตจะลดลงน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับเป้าหมายของการเดินทางไปสู่การเป็นประเทศ Net Zero จะรักสิ่งแวดล้อมยังไง

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

ความไม่จำเป็นของโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์ จ.ฉะเชิงเทรา

แม้แผน PDP ฉบับใหม่จะยังไม่ออกมา แต่ก็มีโครงการโรงไฟฟ้าที่มีสัญญาผูกพันจากแผน PDP2018 (ปรับปรุงครั้งที่ 1) กำลังจะทยอยเข้าสู่ระบบ

แคมเปญ #หยุดโรงไฟฟ้าก๊าซบูรพาพาวเวอร์ #หยุดเพิ่มภาระค่าไฟให้ประชาชน

ร่วมลงชื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องของกลุ่ม Fossil Free Thailand ซึ่งเป็นการรวมตัวกันของกลุ่มชุมชนผู้ที่อาจได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้า และเครือข่ายภาคประชาชน จ. ฉะเชิงเทรา

หวั่นแผน PDP ใหม่ไร้เสียงประชาชน ชง กมธ.พลังงาน ดันตัวแทนภาคประชาสังคมนั่งกรรมการร่างแผน PDP 

JustPow ร่วมกับกรีนพีซ ประเทศไทย ยื่นหนังสือต่อตัวแทนคณะกรรมาธิการการพลังงาน สภาผู้แทนราษฎร ให้มีตัวแทนของภาคประชาสังคมในคณะกรรมการร่างแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ฉบับใหม่

ตามรอยประวัติศาสตร์จากซีรีส์ Shine : โรงไฟฟ้าห้วยคำแสงคือโครงการอะไร แล้วสภาพัฒน์เกี่ยวยังไงกับการสร้างโรงไฟฟ้า 

ซีรีส์ Shine สร้างปรากฏการณ์ตั้งแต่ยังไม่ออกฉายกับการประกาศตัวว่าเป็นซีรีส์เกย์เรื่องแรกของค่าย Be On Cloud ไม่เพียงแค่นั้นเมื่อออกฉายแล้ว Shine