14 มีนาคม “วันหยุดเขื่อนโลก” พิธีแต่งงานปลาบึกที่บ้านตามุย

14 มีนาคม 2568 ซึ่งตรงกับวันปฏิบัติการเพื่อแม่น้ำสากล หรือวันหยุดเขื่อนโลก (International Day of Action for Rivers: Against Dams) ที่บ้านตามุย อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ชาวบ้านในลุ่มแม่น้ำโขงทั้งจากบ้านท่าล้ง บ้านกุ่ม และบ้านตามุย รวมไปถึงผู้สนใจจากพื้นที่จังหวัดอื่นๆ มาร่วมพิธีเชิงสัญลักษณ์เพื่อปกป้องแม่น้ำโขงและประกาศไม่เอาเขื่อนในแม่นำโขงอีกแล้ว

เริ่มต้นด้วยการล่องเรือหลายสิบลำออกจากท่าที่บ้านตามุยไปยังหาดวิจิตรา เพื่อประกอบพิธีกรรม เป็นพิธีส่งปลาบึกแต่งงาน โดยปลาบึกเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำโขง ในพิธีนี้ปลาบึกตัวผู้เป็นปลาบึกเจ้าบ่าวจากฝั่งไทย และปลาบึกตัวเมียเป็นปลาบึกเจ้าสาวจากลาว

ในพิธีจะมีการรำเฉลิมฉลองพิธีแต่งงานของคู่ปลาบึกไทย-ลาว พิธีผูกแขนซึ่งเป็นพิธีแต่งงานในแบบอีสาน ก่อนจะจุดธูปเพื่อบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นพิ้นที่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นบ้านของปลาบึกที่แต่งงานกันแล้ว พร้อมออกลูกออกหลานเพื่อให้แม่น้ำโขงเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ พิ้นที่ตรงนี้จึงไม่สมควรเป็นที่สร้างเขื่อน

อนึ่ง คาดว่าในร่างแผน PDP2024 ของประเทศไทย อาจทำให้มีการก่อสร้างเขื่อนภูงอย ซึ่งเป็นเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าในแม่น้ำโขง สปป.ลาว กำลังการผลิต 728 เมกะวัตต์ ค่าก่อสร้าง 80,000 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นการร่วมทุนของบริษัท เจริญ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ วอเทอร์ เอเชีย จำกัด จากประเทศไทย บริษัท ดูซาน เฮฟวีอินดัสทรี แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด จากเกาหลีใต้ และบริษัท โคเรียน เวสเทิร์น พาวเวอร์ จากเกาหลีใต้

โดยที่ตั้งของเขื่อนภูงอย จะอยู่ห่างจาก จ.อุบลราชธานี เพียง 60 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งหากมีเขื่อนภูงอยจะทำให้เกิดน้ำเท้อเข้ามาในแม่น้ำมูล เพราะไม่สามารถระบายน้ำออกไปยังแม่น้ำโขงได้ เพราะจะถูกเขื่อนกั้นไว้ อันอาจซ้ำเติมปัญหาน้ำท่วมที่เกิดขึ้น ในตัวจังหวัดอุบลราชธานี ซึ่งเคยเกิดน้ำท่วมใหญ่มาแล้วในปี 2562 และ 2656 และยังคาดว่าน้ำที่เท้อเข้ามานี้ จะทำให้แก่งตะนะ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของจังหวัดอีกด้วย

.

ข่าวยอดนิยม

นักวิชาการภาคประชาชน จัดวงเสวนา “จับตาแผน PDP ใหม่ ราคาอะไรที่ประชาชนต้องจ่าย?” จาก “รายการฟังเสียงประเทศไทย” ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2024
โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและถ่านหินบางส่วนจะต้องปิดตัวลงก่อนสิ้นอายุทางเศรษฐกิจ เพื่อเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงานสะอาด จนกลายเป็นสินทรัพย์สูญค่าในอนาคต (stranded assets)

รัฐสภายุโรปอนุมัติกฎหมายควบคุมการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากรถบรรทุกเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ที่ผ่านมา โดยในสาระสำคัญของกฎหมายนี้ รถบรรทุกที่ขายในสหภาพยุโรปตั้งแต่ปี 2040 เป็นต้นไป จะต้องลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 90% กฎหมายนี้จะส่งผลให้ผู้ผลิตรถบรรทุกหรือยานยนต์สำหรับงานหนัก ต้องให้ความสำคัญกับการผลิตรถที่ลดการปล่อยมลพิษมากขึ้น ซึ่งรวมถึงรถไฟฟ้าและรถที่ใช้พลังงานไฮโดรเจน เพื่อลดสัดส่วนการจำหน่ายยานพาหนะที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในตลาดลงให้ได้ถึง 90% ในปี 2040 โดยกฎหมายนี้มีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มปริมาณการใช้รถไฟฟ้าให้พร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ระหว่างทางก่อนจะถึงเป้าหมายนั้น ผู้ผลิตรถบรรทุกยังต้องปฏิบัติตามข้อบังคับในการลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลง 45% ภายในปี 2030 แทน 30% ซึ่งเป็นเป้าหมายเดิม ทั้งยังต้องบรรลุเป้าหมายที่จะลดให้ได้ 65% ภายในปี 2035 อีกด้วย ในการลงมติเพื่ออนุมัติกฎหมายนี้ มีเพียงอิตาลี โปแลนด์ และสโลวาเกียเท่านั้นที่ลงคะแนนเสียงคัดค้าน ในขณะที่สาธารณรัฐเช็กเป็นประเทศเดียวที่งดออกเสียง โดยประเทศที่ได้รับการจับตามองในการลงมติครั้งนี้มากที่สุดประเทศหนึ่ง คือ เยอรมนี เพราะนอกจากจะเป็นประเทศยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมนี้แล้ว ก่อนหน้านี้เยอรมนีเป็นประเทศที่พยายามเจรจาเพื่อให้ใช้เครื่องยนต์สันดาปที่ใช้เชื้อเพลิงซึ่งผลิตจากกระแสไฟฟ้า หรือเชื้อเพลิงสังเคราะห์ได้ นอกจากความพยายามที่จะเจรจาเรื่องเชื้อเพลิงสังเคราะห์แล้ว ยังมีเรื่องท่าทีของรัฐบาลเยอรมนีที่เป็นผลสืบเนื่องมาจากความขัดแย้งภายในรัฐบาลผสมของเยอรมนี ดังนั้น เพื่อให้เยอรมนีลงมติเห็นชอบในกฎหมายนี้ ทางสหภาพยุโรปได้เพิ่มบทนำที่ระบุว่า สหภาพยุโรปจะพิจารณาการบรรจุข้อกำหนดเพิ่มขึ้นในอนาคต เพื่อนับรวมรถที่ใช้เชื้อเพลิงที่เป็นกลางทางคาร์บอนในกรณีที่สอดคล้องกับเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ ข้อมูลจากสมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป ณ เดือนธันวาคม 2023 ระบุว่า การขนส่งสินค้าทางถนนถือเป็นหัวใจสำคัญของการค้าและการพาณิชย์ของทวีปยุโรป […]

จากการที่ภาครัฐมีการลงนามรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน รอบแรก  5,200 เมกะวัตต์ เพิ่มอีก 3 สัญญา ในวันที่ 18 เมษายนที่ผ่านมา

ช่วงนี้หลายคนคงรู้สึกไม่ต่างกันว่าทำไมมันร้อนเหมือนซ้อมลงนรกได้ขนาดนี้ และแน่นอนว่าสิ่งที่ตามมาคือบิลค่าไฟที่ทะลุเดือดไม่ต่างกับอากาศ เพราะต้องเปิดแอร์ฉ่ำๆ เพื่อดับร้อน  จากรายงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ระบุว่า เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2567 เวลา 20.54 น. เกิดการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) อยู่ที่ 34,443.1 เมกะวัตต์ ถือเป็นการทำลายสถิติความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุดของประเทศที่เคยเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 เวลา 21.41 น. ซึ่งเคยทำไว้ที่ 34,130.5 เมกะวัตต์ และคาดว่าในเดือนพฤษภาคมนี้ก็จะมีพีคอีกรอบ แม้ว่าจะเกิดตัวเลขการใช้ไฟฟ้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์แล้ว แต่ก็จะไม่เกิดผลกระทบใดๆ ในระบบการไฟฟ้า เพราะตัวเลขนี้ยังห่างไกลจากกำลังการผลิตไฟฟ้าที่มีในระบบ เพราะมีการสำรองไฟฟ้าไว้สูงจนถึงขั้นล้นเกิน โดยปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในระบบ อยู่ที่ 49,571.79 เมกะวัตต์ หรือคิดเป็นกำลังไฟฟ้าสำรองที่สูงถึง 43.92% ของความต้องการไฟฟ้าสูงสุด ฟังดูประเทศไทยมีความมั่นคงทางพลังงานดีสุดๆ ใช้ไฟพีคแค่ไหน ก็ยังมีไฟล้นเหลือสำรองไว้ ไม่ต้องกลัวว่าเปิดแอร์มากแค่ไหน ไฟในประเทศจะไม่พอ แต่รู้ไหมว่า ที่สำรองไว้จนล้นเกินน่ะ ใช่ว่าจะไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะมันบวกอยู่ในบิลค่าไฟเราแล้ว  หลายคนคงคิดว่า อ้าว…แล้วจะไม่สำรองไฟเลยเหรอ ถ้าไม่พอขึ้นมา ไฟดับจะทำยังไง […]

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

ไทยซื้อไฟจากเขื่อนไหนในลาวบ้าง

สำรวจข้อมูลเขื่อนในลาวที่ไทยไปซื้อไฟ

เสียงจากเวทีที่อุบลฯ ไม่เอาเขื่อน(เพิ่ม)ได้ไหม

เสวนา “คนอุบลเอาบ่? : น้ำท่วม เขื่อนใหม่ ค่าไฟแพง” เมื่อวันที่ 13 มี.ค. 68 เนื่องในวันปฏิบัติการเพื่อแม่น้ำสากล หรือวันหยุดเขื่อนโลก (International Day of Action for Rivers : Against Dams)

น้ำท่วม เขื่อนลาว นักลงทุนไทย ค่าไฟแพง : สำรวจเขื่อนผลิตไฟฟ้าในลาวที่ขายไฟให้กับไทย

จากสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในภาคเหนือและภาคอีสานตอนเหนือในช่วงเดือนกันยายน 2567 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะในแถบจังหวัดที่ติดกับแม่น้ำโขง ซึ่งปริมาณน้ำในแม่น้ำโขงที่สูงจากทั้งพายุ ฝนตกหนักและการที่เขื่อนในแม่น้ำโขงปล่อยน้ำ ทำให้แม่น้ำสาขาในแต่ละจังหวัดไม่สามารถระบายน้ำลงแม่น้ำโขง จนเกิดการเอ่อล้นและท่วมในหลายพื้นที่

สร้างเขื่อนผลิตไฟในลาวให้ไทย คุ้มค่าสำหรับใคร

เนื่องในวันปฏิบัติการเพื่อแม่น้ำสากล หรือวันหยุดเขื่อนโลก (International Day of Action for Rivers