
โรงไฟฟ้าเอกชนที่ขายไฟฟ้าเข้าสู่ระบบของ กฟผ. ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าของผู้ผลิตเอกชนรายใหญ่ (Independent Power Producer: IPP) โรงไฟฟ้าของผู้ผลิตเอกชนรายเล็ก (Small Power Producer: SPP) และไฟฟ้าจาก สปป.ลาว
โรงไฟฟ้าเหล่านี้ใช้ก๊าซธรรมชาติที่ซื้อมาจาก ปตท. แต่ ปตท. เรียกเก็บค่าดำเนินการของโรงไฟฟ้า (margin) ไม่เท่ากัน
โดยในปี 2544 คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) กำหนดให้โรงไฟฟ้า กฟผ. และโรงไฟฟ้า IPP ต้องจ่ายให้ ปตท. 1.75% แต่โรงไฟฟ้า SPP ต้องจ่ายค่าดำเนินการของโรงไฟฟ้าสูงถึง 9.33% ภาระของการจ่ายค่าดำเนินการในอัตราที่แพงกว่าของโรงไฟฟ้า SPP จึงถูกส่งผ่านไปยังผู้ใช้ไฟในที่สุด
โดยในรายงานการศึกษาของอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างอัตราค่าไฟฟ้าและอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (Ft) โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อปี 2545 ได้เคยให้ความเห็นไว้ว่า หากสามารถลดค่าดำเนินการของ SPP ลงได้ จะทำให้ค่า Ft ลดลงได้ แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ดังนั้น จากกราฟจะเห็นว่า หากมีการลดค่าดำเนินการที่ ปตท. คิดกับ SPP ให้เท่ากับค่าดำเนินการ ที่ ปตท. คิดกับ กฟผ. และ IPP จะลดต้นทุนการผลิตไฟฟ้าไปได้ถึงปีละกว่า 2,000 ล้านบาท หรือใน 15 ปีที่ผ่านมา เราจ่ายส่วนต่างค่าดำเนินการไปแล้วกว่า 33,000 ล้านบาท